The Monkey King 3 Kingdom of Women ไซอิ๋ว ศึกราชาวานรตะลุยเมืองแม่ม่าย ภาคนี้กลายเป็นภาคที่ผมชอบที่สุดในบรรดา 3 ภาค ไซอิ๋ว ที่สร้างกันมาครับ ยอมรับว่าคาดไม่ถึงเหมือนกัน ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองน่าจะเฉยๆ เพราะจำได้เลยว่าตอนดูไซอิ๋วฉบับเก่าๆ แล้วพอถึงตอนเมืองแม่ม่ายทีไร ผมจะรู้สึกเฉยกับตอนนี้ทุกที มันรู้สึกเหมือนเป็นตอนเบาๆ เอาฮาน่ะครับ ไม่ได้มีปีศาจให้ปราบ พล็อตไม่ได้ซับซ้อน ปมไม่ได้มากมาย เรื่องราวก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่พวกหงอคงต้องรับมือก็คือเหล่าสตรีในเมืองลับแลที่มากกฎเยอะกติกา แต่ละคนนี่ออกแนวหญิงเยอะจนบางทีก็อดรำคาญไม่ได้
แต่มาเวอร์ชั่นนี้ อะไรๆ เปลี่ยนจากที่เคยคุ้นพอสมควรครับ และที่สำคัญคือมันมีอะไรดีๆ สอดแทรกอยู่ในเรื่องแบบกำลังดีอีกด้วย
ภาคนี้ก็ว่าด้วยพระถังซัมจั๋ง (เฝิงเส้าเฟิง) กับเหล่าศิษย์ที่นำโดยซุนหงอคง (กั๊วฟู่เฉิง) เดินทางหลงเข้ามาในเมืองลับแลที่มีแต่อิสตรีอยู่เต็มเมือง และสำหรับดินแดนนี้แล้ว บุรุษคือเผ่าพันธุ์อันตรายที่สมควรโดนประหารสถานเดียว เลยทำให้พวกหงอคงต้องหาทางหลบหนีออกไปให้ได้ เพื่อจะได้ไปเดินทางสู่ชมพูทวีปต่อไป
ถ้าใครคาดหวังฉากแอ็กชั่นหรือการผจญภัยมันส์ๆ ขอบอกเลยครับว่าต้องงดความคาดหวังเหล่านั้นโดยพลัน เพราะภาคนี้ไม่ได้เน้นบู๊ ไม่ได้เน้นตีกับปีศาจ แต่ถ้าถามว่ามีการสู้กับปีศาจไหมก็ตอบได้ว่ามีครับ หนังมีฉากบู๊ที่จัดว่าอลังการมากโขอยู่ในตอนท้าย ซึ่งสำหรับผมแล้วฉากที่พวกหงอคงตีกับปีศาจแห่งแม่น้ำนี่เป็นอะไรที่มันส์ไม่เลว เพียงแต่กว่าจะมีฉากบู๊แบบจริงๆ จังๆ ก็ปาไปตอนท้ายแล้วน่ะครับ และยังเป็นการบู๊แบบ CG ด้วย ไม่ได้บู๊อัดหมัดกันแต่อย่างใด
ดังนั้นถ้าใครอยากดูเรื่องนี้เพราะอยากเห็นหงอคงกับพวกบู๊มากๆ ก็คงผิดหวังไม่มากก็น้อยครับ
โทนของเรื่องยังคงคล้ายกับที่เคยดูในไซอิ๋วเวอร์ชั่นอื่นๆ อย่างที่บอกครับว่าตอนนี้เน้นอะไรที่เบาๆ ไม่ว่าจะการที่พวกพระถังต้องรับมือกับเหล่าอิสตรี หรือเรื่องวุ่นๆ ตอนที่พวกเขาต้องตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว เรียกว่าบรรยากาศโดยรวมมันออกแนวฮามากกว่าจะเป็นอะไรที่จริงจัง
แต่ถ้าถามว่าทำไมผมถึงชอบ? ก็ตอบได้เลยว่ามันมีอะไรที่โดนใจมากกว่าที่คิดครับ
สิ่งแรกที่ผมรู้สึกเลยหลังดูจบคือผมไม่ยักกะรำคาญกับเรื่องราวในเมืองแม่ม่ายแบบที่ผ่านๆ มาแฮะ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเวอร์ชั่นนี้ตัดทอนส่วนที่น่ารำคาญในเวอร์ชั่นก่อนๆ ออกไป ไม่ว่าจะความเยอะที่เยอะเกินไปของเหล่าสตรี ก็คงเหลือไว้แค่ภาพของชาวเมืองที่มีความเคร่งครัดในกฎกติกาและขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งมันก็ไม่ได้มากเกินจนน่าหงุดหงิดนะครับ มันดูน่าเชื่อและพอเหมาะ ทำให้เราไม่มองพวกเธอเป็นหญิงเยอะหรือเป็นตัวตลกแบบที่หลายๆ เวอร์ชั่นก่อนหน้าเคยทำไว้
ต่อมาเลยคือความเขียวขจีครับ อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวโดยแท้ คือสำหรับผมแล้วเนี่ยเวลานึกถึงประเทศจีน ผมจะนึกถึงป่าเขาลำเนาไพร นึกถึงต้นไม้ใบหญ้าเขียวสดที่ขึ้นแบบหนาตา ดูแล้วมันสดชื่นระรื่นตา ซึ่งหนังจีนระยะหลังบางทีก็ไม่ค่อยมีฉากป่าเขาที่ว่า ส่วนมากจะเป็นที่โล่งๆ หรือไม่ก็เป็นทะเลทรายซะเยอะ แต่เรื่องนี้นี่เขียวชอุ่มพุ่มไสว ต้นไม้และเขาเขียวมีเพียบจนอิ่มเลยครับ มิหนำซ้ำยังมีช่องเขาประเภทที่มีมอสขึ้นด้วย เป็นอะไรที่ชอบจริงๆ ครับ และมันก็เข้ากับความเป็นเมืองลับแลมากๆ เพราะเมืองมันต้องดูเป็นธรรมชาติแบบหนาแน่นแบบนี้แหละ รวมถึงฉากแม่น้ำลำคลองด้วยครับ สวยจริงๆ
ประเด็นถัดมา ที่เรียกได้ว่าเป็นความชอบที่สำคัญที่สุดคือปมดราม่าความรักของพระถังครับ เท่าที่ฟังมามีหลายคนไม่ชอบในจุดนี้เพราะมันมองดูน่าเบื่อ แต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบครับ มันมีความลึกซึ้งและสวยงามที่พอดิบพอดี และยังเป็นการเสริมมิติให้กับพระถังได้อย่างดีด้วย